Email: ttmedch11@gmail.com
โทร: 077-979-262

นวดแผนไทย (Thai Traditional Massage)

เป็นศาสตร์การบำบัดและดูแลสุขภาพที่มีรากฐานมาจากภูมิปัญญาพื้นบ้านของไทย โดยผสมผสานระหว่างศาสตร์การแพทย์แผนโบราณของอินเดีย จีน และไทย ใช้กันมานานกว่า 2,500 ปี โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูสมดุลของร่างกาย จิตใจ และพลังชีวิต

ลักษณะของการนวดแผนไทย

  • ไม่มีการใช้น้ำมันหรือโลชั่น (โดยทั่วไป)
  • ใช้นิ้วมือ ข้อศอก ฝ่ามือ เข่า และเท้า ในการกด จุด ลาก เส้น ยืดกล้ามเนื้อ และจัดปรับโครงสร้าง
  • ใช้ หลัก “เส้นสิบ” (เส้นพลังงานสมมุติ 10 เส้นหลัก) ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของร่างกาย

ประโยชน์ของการนวดแผนไทย

  1. ช่วยคลายกล้ามเนื้อ และลดอาการปวดเมื่อย
  2. กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง
  3. ปรับสมดุลระบบประสาทและฮอร์โมน
  4. ลดความเครียด และช่วยให้หลับง่ายขึ้น
  5. ส่งเสริมสุขภาพโดยรวม และป้องกันโรคเรื้อรัง

ข้อควรระวัง

  • ไม่ควรนวดในผู้ที่มี กระดูกหัก, เส้นเลือดอุดตัน, โรคหัวใจรุนแรง, มะเร็ง, ตั้งครรภ์ในไตรมาสแรก ฯลฯ
  • ควรให้ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมจากสถาบันที่รับรองเป็นผู้ให้บริการ
  • หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนนวด

ประเภทของการนวดแผนไทย

  1. นวดตัว (นวดเชลยศักดิ์) – แบบที่นิยมทั่วไป ใช้นวดเพื่อคลายกล้ามเนื้อ
  2. นวดราชสำนัก – นวดแบบมีรูปแบบเคร่งครัด เน้นความสุภาพ
  3. นวดฝ่าเท้า – กระตุ้นระบบไหลเวียนผ่านจุดสะท้อน
  4. นวดประคบสมุนไพร – ใช้ลูกประคบร้อนเพิ่มผลการบำบัด
  5. นวดรักษาโรค – ต้องกระทำโดยแพทย์แผนไทยที่มีใบอนุญาต

ท่าทางการนวดแผนไทย

ท่าทางการนวดแผนไทย เป็นเทคนิคเฉพาะที่ใช้กด ดัด บิด ยืด หรือลากไปตามเส้นพลังงานและจุดสำคัญในร่างกาย ซึ่งมีทั้งแบบนวดเชลยศักดิ์ (ทั่วไป) และนวดราชสำนัก โดยท่าที่ใช้มีหลากหลาย แต่สามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้:

ท่าทางการนวดแผนไทย (เบื้องต้น)

1. ท่านวดในท่านั่ง ใช้สำหรับนวดช่วงหลัง คอ ไหล่ และแขน

กดบ่าหลังนั่ง

ผู้ถูกนวดนั่งบนพื้นหรือเก้าอี้ ผู้ให้บริการใช้หัวแม่มือกดบ่าหรือสะบักลงน้ำหนักเบาถึงปานกลาง

กดแนวกลางหลัง

ใช้นิ้วโป้งหรือฝ่ามือกดแนวกระดูกสันหลัง (ไม่กดบนกระดูกโดยตรง)

2. ท่านวดในท่านอนหงาย เหมาะกับการนวดส่วนขา เท้า ท้อง และแขน

กดเส้นต้นขาด้านใน

ใช้ฝ่ามือหรือนิ้วโป้งกดจากโคนขาไล่ลงไปถึงเข่า

ยืดขา

จับข้อเท้าและข้อเข่าดึงขาออกอย่างนุ่มนวล เพื่อยืดกล้ามเนื้อต้นขาและสะโพก

3. ท่านวดในท่านอนคว่ำ ใช้สำหรับนวดหลัง ต้นคอ และขาหลัง

กดเส้นแนวกระดูกสันหลัง

ใช้หัวแม่มือกดลงตามแนวสองข้างของกระดูกสันหลัง ไล่จากเอวขึ้นไปถึงบ่า

ดัดหลัง (ท่าโค้ง)

ผู้ให้บริการใช้เข่าและแขนยกตัวผู้ถูกนวดขึ้นด้านหลัง (ท่านี้ต้องเชี่ยวชาญ)

4. ท่านวดในท่านอนตะแคง เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่ไม่สะดวกนอนคว่ำ/หงาย

กดเส้นข้างลำตัว

ใช้นิ้วโป้งหรือนิ้วชี้กดแนวเอว ข้างลำตัว และต้นขาด้านข้าง

5. ท่าประคอง/ยืดดัด

ท่ายืดเส้นสะโพก

จับขาไขว้และหมุนสะโพกช้า ๆ เพื่อยืดกล้ามเนื้อสะโพก

ท่าดัดหลังคลายเส้น

ใช้เข่าหรือแขนหนุนหลัง แล้วดัดหลังผู้ถูกนวดไปด้านหลังเล็กน้อย

* ข้อควรระวังขณะนวด *

  • อย่าใช้แรงมากในจุดกระดูก ข้อ หรือเส้นเลือดใหญ่
  • หลีกเลี่ยงจุดอักเสบ ฟกช้ำ หรือมีแผล
  • สื่อสารกับผู้รับการนวดเสมอ เพื่อความปลอดภัย

การอบสมุนไพร (Herbal Steam Therapy)

     การอบสมุนไพร (Herbal Steam Therapy) เป็นหนึ่งในวิธีการบำบัดของ แพทย์แผนไทย ที่นิยมใช้กันมายาวนาน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสุขภาพ บรรเทาอาการเจ็บป่วย และช่วยผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ

ประโยชน์ของการอบสมุนไพร

  1. ช่วยขับของเสีย ผ่านเหงื่อ ทำให้ร่างกายรู้สึกเบาสบาย
  2. บรรเทาอาการปวดเมื่อย เช่น ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ
  3. ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
  4. ลดอาการหวัด คัดจมูก จากไอน้ำและสมุนไพร
  5. ผิวพรรณดีขึ้น จากการเปิดรูขุมขนและขับเหงื่อ
  6. ช่วยคลายเครียด และทำให้นอนหลับสบาย

สมุนไพรที่นิยมใช้ในการอบ

  • ไพล – ลดปวด บวม เคล็ดขัดยอก
  • ขมิ้นชัน – บำรุงผิว ลดการอักเสบ
  • ตะไคร้ – ช่วยให้โลหิตไหลเวียนดี
  • ใบมะกรูด – ช่วยระบบหายใจ
  • การบูร / พิมเสน – ลดอาการคัดจมูก
  • ยูคาลิปตัส – บรรเทาอาการทางเดินหายใจ

วิธีการอบสมุนไพร

  1. เตรียมสมุนไพรสดหรือแห้งตามสูตร
  2. ใส่ในหม้อนึ่ง หรือหม้อต้มที่มีท่อนำไอไปยังตู้อบ
  3. เข้าอบในตู้อบสมุนไพร (หรือนั่งอบในเต็นท์)
  4. ระยะเวลาในการอบแต่ละครั้งประมาณ 15–20 นาที

ข้อควรระวัง

  • ไม่ควรอบนานเกินไป เพราะอาจทำให้หน้ามืด
  • หลีกเลี่ยงการอบขณะมีไข้สูง หรือขาดน้ำ
  • ผู้ที่มีโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

ท่านวดขาและเท้า ช่วยกระตุ้นการไหลเวียน

  1. เตรียมตัวก่อนการนวด
    • ล้างมือ ล้างเท้าให้สะอาด ตัดเล็บให้สั้น ถอดแหวนหรือนาฬิกา เพื่อไม่ให้เกิดบาดเจ็บ
    • จัดท่าที่เหมาะสมไม่เกร็งหรือฝืนร่างกาย
    • อบอุ่น และยืดเหยียด ร่างกายก่อนการนวด
  2. ซ้อนนิ้วหัวแม่มือ หรือใช้ท่อนแขน กดนวดไปตามแนวกึ่งกลางฝ่าเท้า ไล่จากเนินส้นเท้าถึงเนินฝ่าเท้า ไปและ กลับ 2-3 รอบ
  3. ใช้ท่อนแขน คลึงไปทั่วฝ่าเท้า
  4. ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้และนิ้วกลาง กดรูดนิ้วเท้า จากโคนนิ้วเท้าถึงปลายนิ้วเท้า
  5. ขยับขา 1 ข้างลงบนพื้น ซ้อนนิ้วหัวแม่มือ หรือใช้นิ้วหัวแม่มือวางต่อกัน กดนวดไปตามร่องกล้ามเนื้อข้างกระดูก สันหน้าแข้งด้านใน จากเหนือตาตุ่ม ถึงใต้หัวเข่า ไปและกลับ 2-3 รอบ
  6. ซ้อนนิ้วหัวแม่มือ หรือใช้นิ้วหัวแม่มือ วางต่อกันกดนวดไปตามร่องกล้ามเนื้อ ต้นขาด้านใน จากเหนือหัวเข่า ถึงโคนขาไปและกลับ 2-3 รอบ
  7. ซ้อนนิ้วหัวแม่มือ หรือใช้นิ้วหัวแม่มือวางต่อกัน กดนวดไปตามแนวกึ่งกลางขาจากเอ็นร้อยหวาย ไปถึงใต้ข้อพับเข่า ไปและกลับ 2-3 รอบ

การอบไอน้ำสมุนไพรมีประโยชน์อย่างไร

การอบไอน้ำสมุนไพรมีประโยชน์อย่างไร

  • กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลมให้ดีขึ้น
  • ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวบรรเทาอาการปวดเมื่อย
  • ช่วยขยายรูชุมขน ชำระสิ่งสกปรกบนผิวหนัง
  • บรรเทาอาการคัดจมูกในผู้ที่เป็นหวัด โรคภูมิแพ้อากาศ หรือโรคหอบหืดที่ไม่รุนแรง
  • ช่วยขับน้ำคาวปลาในหญิงหลังคลอด
  • ช่วยให้ผ่อนคลาย นอนหลับง่าย

ข้อห้ามในการอบไอน้ำสมุนไพร

  • มีไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส
  • มีอาการอ่อนเพลีย อดนอน อดอาหาร
  • ผู้ที่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง เช่น วัณโรค
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวในระยะรุนแรงเช่น โรคลมชัก โรคหอบหืด
  • โรคไต โรคหัวใจ ที่มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หอบเหนื่อย
  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท
  • หญิงขณะมีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์

อัตราค่าบริการ

อบสมุนไพรเพื่อการรักษา ราคา 170 บาท เบิกได้ 120 บาท
กรณี นวดประคบและอบสมุนไพรเพื่อการรักษา
นวดประคบสมุนไพรเพื่อการรักษา ราคา 300 บาท เบิกได้ 250 บาท
อบสมุนไพรเพื่อการรักษา ราคา 170 บาท เบิกได้ 120 บาท